วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 นางจันทนา ภาคย์ทองสุข ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 5 (นครปฐม) นำหน่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อมที่ 5(EPU5) และหน่วยตอบโต้เหตุฉุกเฉิน (SERT) ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บน้ำมันของ บริษัท ประภาออยล์ จํากัด ตําบลอ้อมใหญ่ อําเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
จากการตรวจสอบพบว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บน้ำมันบริษัท ประภากรออยล์ จํากัด เวลา 12:21 น. หมู่ที่ 2 ถนนเพชรเกษม ตําบลอ้อมใหญ่ อําเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ต้นเพลิงลุกไหม้ในโกดังคลังสินค้าด้านหลังบริษัท ซึ่งเป็นโกดังบรรจุน้ำมันเครื่องยี่ห้อโมบิล จํานวน ประมาณ 100,000 ลิตร เพลิงได้ลุกไหม้ลามมายังอาคารบ้านเรือนประชาชนใกล้เคียงเล็กน้อยจํานวน 2 คูหา โดยรถดับเพลิงจากเทศบาลตําบลอ้อมใหญ่ เทศบาลเมืองไร่ขิง เทศบาลนครนครปฐม เทศบาลเมืองสามพราน เทศบาลเมือง กระทุ่มล้ม เทสบาลตําบลศาลายา เทศบาลตําบลห้วยพลู อบต.ท่าข้าม อบต.ยายชา และเทศบาลนครอ้อมน้อย จังหวัดสมุทรสาคร หน่วยงานอาสาสมัคร มูลนิธิ และหน่วยข้างเคียง รวมจํานวน 40 คัน เข้าระงับเหตุ ทั้งนี้จังหวัดได้รับการสนับสนุนรถดับเพลิงโฟมและเคมีจากเทศบาลตําบลอ้อมน้อย บริษัท PSP จํากัด มูลนิธิร่วมกตัญญ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 1 ปทุมธานี กรุงเทพมหานคร บริษัท ป.ต.ท. จํากัด (มหาชน) เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ได้รับการปฐมพยาบาลแล้ว จํานวน 2 ราย ได้แก่ เจ้าหน้าที่เข้าระงับเหตุ และเจ้าหน้าที่ของบริษัทประภากรออยล์ จํากัด บ้านเรือนประชาชนได้รับความผลกระทบ จํานวน 2 คูหา สามารถควบคุมเพลิงได้ในเวลา 14.25 น.
หน่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อมที่ 5 (EPU5) และหน่วยตอบโต้เหตุฉุกเฉิน (SERT) ตรวจสอบพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพน้ำในคลองอ้อมใหญ่บริเวณ เหนือและท้ายจุดเกิดเหตุ พบว่าคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่มีน้ำมันหล่อลื่นและน้ำจากการดับเพลิง ไหลลงสู่ท่อระบายน้ำสาธารณะและไหลลงสู่คลองอ้อมใหญ่ใน ระยะทางประมาณ 500 เมตรจากจุดเกิดเหตุ จึงให้คําแนะนําและบริษัท ประภากรออยล์ จํากัด วางทุ่นดักน้ำมันเพื่อให้อยู่ใน บริเวณจํากัด และเทศบาลตําบลอ้อมใหญ่ได้ใช้ไม้ไผ่วางเป็นที่กั้นน้ำมันเพิ่มเติมด้วย และดําเนินการประสานโครงการส่งน้ำและบํารุงรักษาภาษีเจริญ ดําเนินปิดประตูระบายน้ำคลอง อ้อมใหญ่และประตูระบายน้ำคลองอ้อมน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันหล่อลื่นและน้ำเสียจากการดับเพลิงไหลลงสู่แม่น้ำท่าจีน
พร้อมกันนี้หน่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อมที่ 5 (EPU5) และหน่วยตอบโต้เหตุฉุกเฉิน (SERT) ได้ดำเนินการตรวจคุณภาพอากาศพบว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ เนื่องจากฝุ่นควันจากเหตุเพลิงไหม้มีการเจือจางไปในอากาศ
ผลตรวจวัดคุณภาพอากาศจํานวน 3 จุด บริเวณท้ายลมที่ได้รับผลกระทบ
- รัศมี 2 กิโลเมตรจากจุดเกิดเหตุ ตรวจพบค่าแก๊สคาร์บอนมอนนอกไซด์ (CO) = 0 ppm ค่าแก๊สไฮโดรเจนซัลไฟฟด์ (H2S) = 0 ppm ค่าสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOC) = 0 ppm
- รัศมี 1 กิโลเมตรจากจุดเกิดเหตุ ตรวจพบ ค่าแก๊สคาร์บอนมอนนอกไซด์ (CO) = 0 ppm ค่าแก๊สไฮโดรเจนซัลไฟฟด์ (H2S) = 0 ppm ค่าสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOC) = 0 ppm
- รัศมี 200 เมตร บริเวณหมู่บ้านนิศาชลใกล้จุดเกิดเหตุ ตรวจพบค่าแก๊สคาร์บอนมอนนอกไซด์ (CO) อยู่ระหว่าง 2-12 ppm ค่าแก๊สไฮโดรเจนซัลไฟฟด์ (H2S) อยู่ระหว่าง 0-1.5 ppm ค่าสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOC) อยู่ระหว่าง 0-1 ppm
ทั้งนี้ หน่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อมที่ 5 จะดําเนินการติดตามตรวจสอบผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การฟื้นฟูผลกระทบจากการปนเปื้อนของคราบน้ำมันลงสู่แหล่งน้ำ และการกําจัดอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการต่อไป

